ข้อมูลดีๆ จาก บล็อก โรงเรียนศรีแสงธรรม อ.โขงเจียม หมวดหมู่ของบล็อก:เศรษฐกิจพอเพียง :
ประชากรมนุษย์เพิ่มมากขึ้นทุกวัน ทรัพยากรที่มีจำนวนจำกัดการจัดสรร การใช้ทรัพยากรอย่่างคุ้มค่าจึงเป็นแนวทางในการดำเนินของเราซึ่งสอดคล้องกับหลักปรัชญาพอเพียง ซึ่งเบื้องต้นคือมีพออยู่พอกิน ทางโรงเรียนจึงหาวิธีหรือใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดจึงได้ทดลองทำบ้านดิน
หลังจากบล็อกที่หนึ่งผ่านไป ก็มีผู้สนใจบ้านดินพอสมควรจึงได้นำเสนอบ้านดินหลังที่ 1 ที่ได้จัดทำขึ้นโดยศึกษาจากในเวปต่างๆแล้วนำมาทำกันเองซึ่งเป็นหลังทดลองก็ว่าได้เพราะอ่านเสร็จก็ลงมือทำกันเลยซึ่งการเตรียมสถานที่ก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรเพราะมีพื้นอาคารเก่าที่ผุพังลงไปเหลือพื้นที่ 3 X 6 M.ไว้ก็เลยมีสถานที่พอดี
จากการทดลองทำบ้านดินมีขั้นตอนดังนี้
1. ขั้นตอนในการสร้างบ้านดินหลังจากมีสถานที่แล้วก็คือการคำนวนหาจำนวนก้อนอิฐที่จะใช้ โดยได้สร้างบล็อกไม้ขนาด 20 X 40 X 10 cm.ไว้เรียงกัน 5 บล็อก หรือบางที่เห็นทำ 1 ก้อน 1 บล็อก ซึ่งมีหน้าตาอย่างนี้
2. วัสดุที่ใช้ก็มี ดินอะไรก็ได้ยกเว้นดินทราย ดินเหนียว และดินที่มีหินเจือปนเพราะเวลาย่ำดินหินจะบาดเท้า นอกนั้นใช้ได้หมด ส่วนผสมก็มี แกลบดิบ และน้ำ เมื่อได้ครบแล้วก็นวดดินให้เข้ากันแล้วนำมาเทใส่ในบล็อกไม้ไว้สักพักแล้วดึงบล็อกออก ไม่ต้องปล่อยไว้นาน กดดินในบล็อกให้แน่น เต็มบล็อกถ้ากดดินไม่เต็มจำทำให้ก้อนอิฐดินไม่สวยและไม่แข็งแรง
3. เมื่อได้จำนวนที่ต้องการแล้วก็ตากดินที่ปั้นไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ แล้วพลิกก้อนดินตั้งขึ้นไว้เพื่อตากให้แห้งอีก 1 สัปดาห์ ค่อยเก็บหรือเอาไปใช้ก่อ
4 . เมื่ออิฐดินแห้งได้ที่แล้วก็นำมาก่อบริเวณที่เตรียมไว้ โดยวางเรียงๆ กันขึ้นไป นวดดินไว้เชื่อมกันระหว่างก้อนอิฐดิน เหมือนก่ออิฐที่มีปูนเป็นตัวเชื่อมประสาน การก่ออิฐดินก็ก่อไปตามแบบ หรือแปลนที่เราต้องการ แต่หลังนี้มีพื้นที่เทไว้ก่อนแล้วจึงไม่มีแบบอะไรมากคิดว่าจะทำทรงไหนก็ก่อไปเลย แนะนำว่าควรออกแบบไว้ก่อนจึงจะทำได้สวย
หากจะกันห้องหรือ ทำเตรียงทำอะไรควรก่อไปตั้งแต่เริ่มต้นเพราะก้อนอิฐดินจะได้วางสลับกันทำให้โครงสร้างแข็งแรงมากขึ้น สังเกตว่าหลังนี้ไม่มีเสาอาศัยก้อนอิฐดินก่อขึ้นไปเลย
5. เมื่อก่ออิฐได้รูปทรงตามต้องการแล้วก็เตรียมทำหลังคา ซึ่งหลังนี้เป็นการทดลองจึงเตรียมจะใช้ดินทำหลังคา ซึ่งไม้รองหลังคาเป็นสิ่งจำเป็นและใช้ปริมาณมาก
6. เมื่อวางโครงหลังคาเรียบร้อยก็คือการมุง อย่างที่บอกก่อนหน้านี้ว่าเป็นการทดลองใช้ดินมุงหลังคาซึ่งก็ไม่ยากคือนวดดินเหนียวแล้วราดบนโครงหลังคาที่ทำไว้ได้เลย
7. เมื่อมุงหลังคาเสร็จแล้วก็คือการฉาบและตกแต่งซึ่งก็นำดินมานวดเหมือนการปั้นก้อนอิฐดิน แล้วนำมาฉาบทาผิวให้เรียบ
8. กำลังฉาบเสาหน้าบ้าน เด็กๆ ก็ช่วยสร้างบ้านได้นะ
9. ฉาบแล้วทิ้งไว้ให้ดินแห้งซักระยะก่อนจะทาสีหรือไม่ก็ได้
10. ภายในห้องก็ทำช่องระบายอากาศ แล้วแต่ชอบจะทำแบบไหนก็ได้
11. การตกแต่งขึ้นอยู่กับความชอบใจ หากจะทำห้องน้ำควรมีการติดกระเบื้องซึ่งก็ไม่ได้ยากอะไรในการติดกระเบื้องในบ้านดิน
ประตูของห้องภายในจะตกแต่ไปตามใจชอบเช่นกัน
12. การตกแต่งสุดท้ายคือการลงสี ด้วยที่นี่อยู่ใกล้กับผาแต้มจึงเลือกวาดรูปผาแต้มลงในบ้านดินเพื่อจะสื่อถึงท้องถิ่นหรือตั้งอยู่ในอำเภอโขงเจียม แหล่งที่มีรูปวาดบนผาหิน
บ้านดินที่สร้างนี้ประยุกต์ใช้วัสดุทดแทนต่างๆ หาทรัพยากรที่มีในท้องถิ่นมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จากการตกแต่งด้านนอกเสร็จแล้วก็เป็นอันว่าเสร็จไปหลังหนึ่ง ใช้เวลาสร้างประมาณเดือนครึ่ง ใช้งบประมาณ 46,000 บาท
บ้านดินเป็นแนวทางการพึ่งพาตนเองด้านที่อยู่ ให้มีความพออยู่ได้เหมาะสมกับอัตภาพของตนเอง สมดังพุุทธศาสนสุภาษิต "อัตตหิ อัตตโน นาโถ" ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน ครับ
Cr. http://www.bansuanporpeang.com/node/27742
ประชากรมนุษย์เพิ่มมากขึ้นทุกวัน ทรัพยากรที่มีจำนวนจำกัดการจัดสรร การใช้ทรัพยากรอย่่างคุ้มค่าจึงเป็นแนวทางในการดำเนินของเราซึ่งสอดคล้องกับหลักปรัชญาพอเพียง ซึ่งเบื้องต้นคือมีพออยู่พอกิน ทางโรงเรียนจึงหาวิธีหรือใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดจึงได้ทดลองทำบ้านดิน
หลังจากบล็อกที่หนึ่งผ่านไป ก็มีผู้สนใจบ้านดินพอสมควรจึงได้นำเสนอบ้านดินหลังที่ 1 ที่ได้จัดทำขึ้นโดยศึกษาจากในเวปต่างๆแล้วนำมาทำกันเองซึ่งเป็นหลังทดลองก็ว่าได้เพราะอ่านเสร็จก็ลงมือทำกันเลยซึ่งการเตรียมสถานที่ก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรเพราะมีพื้นอาคารเก่าที่ผุพังลงไปเหลือพื้นที่ 3 X 6 M.ไว้ก็เลยมีสถานที่พอดี
จากการทดลองทำบ้านดินมีขั้นตอนดังนี้
1. ขั้นตอนในการสร้างบ้านดินหลังจากมีสถานที่แล้วก็คือการคำนวนหาจำนวนก้อนอิฐที่จะใช้ โดยได้สร้างบล็อกไม้ขนาด 20 X 40 X 10 cm.ไว้เรียงกัน 5 บล็อก หรือบางที่เห็นทำ 1 ก้อน 1 บล็อก ซึ่งมีหน้าตาอย่างนี้
2. วัสดุที่ใช้ก็มี ดินอะไรก็ได้ยกเว้นดินทราย ดินเหนียว และดินที่มีหินเจือปนเพราะเวลาย่ำดินหินจะบาดเท้า นอกนั้นใช้ได้หมด ส่วนผสมก็มี แกลบดิบ และน้ำ เมื่อได้ครบแล้วก็นวดดินให้เข้ากันแล้วนำมาเทใส่ในบล็อกไม้ไว้สักพักแล้วดึงบล็อกออก ไม่ต้องปล่อยไว้นาน กดดินในบล็อกให้แน่น เต็มบล็อกถ้ากดดินไม่เต็มจำทำให้ก้อนอิฐดินไม่สวยและไม่แข็งแรง
3. เมื่อได้จำนวนที่ต้องการแล้วก็ตากดินที่ปั้นไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ แล้วพลิกก้อนดินตั้งขึ้นไว้เพื่อตากให้แห้งอีก 1 สัปดาห์ ค่อยเก็บหรือเอาไปใช้ก่อ
4 . เมื่ออิฐดินแห้งได้ที่แล้วก็นำมาก่อบริเวณที่เตรียมไว้ โดยวางเรียงๆ กันขึ้นไป นวดดินไว้เชื่อมกันระหว่างก้อนอิฐดิน เหมือนก่ออิฐที่มีปูนเป็นตัวเชื่อมประสาน การก่ออิฐดินก็ก่อไปตามแบบ หรือแปลนที่เราต้องการ แต่หลังนี้มีพื้นที่เทไว้ก่อนแล้วจึงไม่มีแบบอะไรมากคิดว่าจะทำทรงไหนก็ก่อไปเลย แนะนำว่าควรออกแบบไว้ก่อนจึงจะทำได้สวย
หากจะกันห้องหรือ ทำเตรียงทำอะไรควรก่อไปตั้งแต่เริ่มต้นเพราะก้อนอิฐดินจะได้วางสลับกันทำให้โครงสร้างแข็งแรงมากขึ้น สังเกตว่าหลังนี้ไม่มีเสาอาศัยก้อนอิฐดินก่อขึ้นไปเลย
5. เมื่อก่ออิฐได้รูปทรงตามต้องการแล้วก็เตรียมทำหลังคา ซึ่งหลังนี้เป็นการทดลองจึงเตรียมจะใช้ดินทำหลังคา ซึ่งไม้รองหลังคาเป็นสิ่งจำเป็นและใช้ปริมาณมาก
6. เมื่อวางโครงหลังคาเรียบร้อยก็คือการมุง อย่างที่บอกก่อนหน้านี้ว่าเป็นการทดลองใช้ดินมุงหลังคาซึ่งก็ไม่ยากคือนวดดินเหนียวแล้วราดบนโครงหลังคาที่ทำไว้ได้เลย
7. เมื่อมุงหลังคาเสร็จแล้วก็คือการฉาบและตกแต่งซึ่งก็นำดินมานวดเหมือนการปั้นก้อนอิฐดิน แล้วนำมาฉาบทาผิวให้เรียบ
8. กำลังฉาบเสาหน้าบ้าน เด็กๆ ก็ช่วยสร้างบ้านได้นะ
9. ฉาบแล้วทิ้งไว้ให้ดินแห้งซักระยะก่อนจะทาสีหรือไม่ก็ได้
10. ภายในห้องก็ทำช่องระบายอากาศ แล้วแต่ชอบจะทำแบบไหนก็ได้
11. การตกแต่งขึ้นอยู่กับความชอบใจ หากจะทำห้องน้ำควรมีการติดกระเบื้องซึ่งก็ไม่ได้ยากอะไรในการติดกระเบื้องในบ้านดิน
ประตูของห้องภายในจะตกแต่ไปตามใจชอบเช่นกัน
12. การตกแต่งสุดท้ายคือการลงสี ด้วยที่นี่อยู่ใกล้กับผาแต้มจึงเลือกวาดรูปผาแต้มลงในบ้านดินเพื่อจะสื่อถึงท้องถิ่นหรือตั้งอยู่ในอำเภอโขงเจียม แหล่งที่มีรูปวาดบนผาหิน
บ้านดินที่สร้างนี้ประยุกต์ใช้วัสดุทดแทนต่างๆ หาทรัพยากรที่มีในท้องถิ่นมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จากการตกแต่งด้านนอกเสร็จแล้วก็เป็นอันว่าเสร็จไปหลังหนึ่ง ใช้เวลาสร้างประมาณเดือนครึ่ง ใช้งบประมาณ 46,000 บาท
บ้านดินเป็นแนวทางการพึ่งพาตนเองด้านที่อยู่ ให้มีความพออยู่ได้เหมาะสมกับอัตภาพของตนเอง สมดังพุุทธศาสนสุภาษิต "อัตตหิ อัตตโน นาโถ" ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน ครับ
Cr. http://www.bansuanporpeang.com/node/27742
